SCG Innovative Exposition 2015 นวัตกรรมเพื่อคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน
“เทคโนโลยีเป็นเรื่องที่ไม่เคยหยุดยั้ง ทุกวันจะมีเรื่องราวใหม่ๆ ถูกคิดค้นขึ้นอยู่เสมอ และเป็นเหตุปัจจัยทำให้โลกเปลี่ยนในทุกวัน”
SCG ขึ้นชื่อว่าเป็น “องค์กรแห่งนวัตกรรม” ที่ไม่เคยหยุดคิดค้นและพัฒนาสร้างสรรค์สินค้าและบริการบนพื้นฐานความต้องการที่หลากหลาย ผสมผสานกับความรู้และเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อตอบโจทย์รูปแบบการใช้ชีวิตที่แตกต่างของผู้คนในสังคม ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของทุกๆส่วนในสังคมให้ดียิ่งขึ้น และสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน อันเป็นเป้าหมายหลักขององค์กรซึ่งมีอายุยาวนานถึง 102 ปี
งาน SCG Innovative Exposition 2015 จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 – 30 พฤศจิกายน 2558 ครั้งนี้ชูแนวคิดหลักคือเป็นงานแสดงนวัตกรรมที่ยกระดับคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวคิด Innovation that cares อันหมายถึงการดูแลใส่ใจในทุกๆส่วน เริ่มตั้งแต่ สุขภาพ ที่อยู่อาศัย สังคม สิ่งแวดล้อม โดยรวบรวมมาไว้ในงานครั้งนี้อย่างครบครันในอาคารทั้งหมด 3 ชั้น ได้แก่ ชั้นที่ 1 Residential Area : Care for Life “เมืองนวัตกรรมแห่งความใส่ใจ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า” ชั้นที่ 2 และชั้นที่ 3 เป็นโซนของ Care for Living “ชีวิตง่ายอย่างมีสไตล์ ตอบโจทย์ได้ทุกความต้องการ”
ชั้น 1 Residential Area : Care for Life
Welcome to Innovative City
ต้อนรับกันด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ ทันทีที่ลงทะเบียนร่วมงาน จะได้รับ Inno wristband ที่ฝังรหัส RFID เก็บข้อมูลของเราไว้ในระบบคอมพิวเตอร์ ตัวช่วยสำคัญในการค้นหาสไตล์ที่เราชอบ พร้อมทั้งเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมตามจุดต่างๆ ซึ่งระบบจะประมวลผลอัตโนมัติในรูปแบบ Interactive ทั้งนี้สามารถลงทะเบียนล่วงหน้าได้ที่ http://innoexpo.scg.co.th/?page=register หากลงทะเบียนล่วงหน้ามาก่อน นอกจากจะสะดวกแล้วยังมีสิทธิ์ลุ้นรับรางวัลมากมายอีกด้วย เช่น iPad Pro, iPhone6s, Gift Voucher 10,000 บาท
Living in Trend : โซน Architecture of Tomorrow
เริ่มต้นตื่นตากันก่อนในโซน Architecture of Tomorrow กับ Bloom: The Room for Living สถาปัตยกรรมต้นแบบที่สร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยี 3D printing ซึ่งเป็นผลงานการวิจัยร่วมระหว่างเอสซีจี กับ University of California, Berkeley สหรัฐอเมริกา
ตั้งคู่กับผลงานชิ้นใหม่ล่าสุดคือ Helix : family Cocoon ต้นแบบที่อยู่อาศัยแห่งอนาคตอันได้แรงบันดาลใจมาจากเปลือกหอย fusiform ขึ้นรูปด้วยเทคโนโลยี 3D Extrusion printing ทำจากวัสดุสูตรพิเศษที่สามารถรับแรงอัดได้มากกว่าคอนกรีตทั่วไปถึง 3 เท่า สามารถขึ้นรูปได้หลากหลายตามจินตนาการของเหล่าสถาปนิก และยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ไม่เพียงเท่านั้นยังมีอีกหนึ่งผลงานจาก 3D printing คือ Corolla :3D Breathable Facade ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากกลีบดอกไม้เป็นนวัตกรรมสำหรับหุ้มอาคารที่ช่วยสร้างการหมุนเวียนอากาศและรับแสงบางส่วนเข้าสู่ภายในอาคาร
Trend Station : เทรนด์ของที่อยู่อาศัย
จากสถาปัตยกรรมแห่งอนาคต พาเข้าสู่โหมดเทรนด์ของที่อยู่อาศัยกับ Trend Station ค้นหาสไตล์บ้านที่ใช่ในแบบของคุณด้วย Inno wristband ที่ได้จากการลงทะเบียนในตอนแรก โดยทาบแถบรหัสที่เครื่องแล้วเลือกตอบคำถามที่ถูกใจที่สุด จากนั้นเครื่องจะประมวลผล “สไตล์ในแบบของคุณ” ซึ่งแบ่งเป็น 4 สไตล์หลักๆ ด้วยกัน คือ Authentic, BioSMART, Ecoficient และ Influence เมื่อทราบว่าสไตล์ไหนเป็นของคุณแล้ว ลองไปดูวัสดุอุปกรณ์สำหรับการตกแต่งบ้านของแต่ละสไตล์ซึ่งจัดแสดงให้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด
หากสัมผัสตัวอย่างวัสดุแล้ว แต่ยังนึกภาพการตกแต่งห้องในสไตล์ของตัวเองไม่ออก ลองมาดูแบบจำลองในระบบสามมิติที่เครื่อง Oculus โดยเราต้องสวมแว่นตาเพื่อพาเข้าสู่โลกจำลองเสมือนจริง ตามสไตล์ของเราโดยอัตโนมัติ ให้เห็นภาพสามมิติกันอย่างเต็มตา 360 องศา
Unit Living Pods : โซน Outdoor
หากยังไม่จุใจเดินออกมาสัมผัสของจริงในโซน Unit Living Pods ซึ่งเป็นโซนเอ้าท์ดอร์หนึ่งเดียวของงาน โดยจัดเป็นบ้านโมดูล่าที่ใช้ Light weight precast concrete ผนังสำเร็จรูปน้ำหนักเบาเป็นวัสดุก่อสร้าง ภายในจำลองการตกแต่งตามสไตล์ทั้ง 4 แบบ 4 หลัง
เริ่มที่หลังแรก Ecoficient จำลองการตกแต่งห้องครัวของคนรักสุขภาพและสิ่งแวดล้อมตกแต่งห้องด้วยสวนแนวตั้ง และ Herb Board แผ่นบอร์ดตกแต่งผนังที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล
ต่อด้วย Authentic จำลองห้องนอนดีไซน์เท่ๆ ในพื้นที่จำกัดแต่จัดวางได้อย่างลงตัว สำหรับคนที่นิยมการตกแต่งแบบผสมผสานระหว่างวัสดุแบบเก่าแต่จัดแต่งให้ดูโมเดิร์น
เข้าสู่อีกหลังที่จัดเป็นห้องน้ำสีขาวสะอาดตาในสไตล์ BioSMART สำหรับคนที่รักเทคโนโลยีและใส่ใจสุขภาพ
และปิดท้ายด้วยสไตล์ Influence ห้องรับแขกที่ตกแต่งด้วยผนังกันเสียงลวดลายสุดหรูอย่างมีเอกลักษณ์โดดเด่นเกินใคร ให้เหล่าเซเลบริตี้มาปาร์ตี้กันได้สุดเหวี่ยงโดยไม่ต้องกังวลเสียงไปรบกวนคนอื่น
เดินต่อมากลับเข้าสู่โซนอินดอร์อีกครั้งกับนวัตกรรมบ้านแห่งอนาคตเพื่อความยั่งยืน กับ The Nest บ้านต้นแบบที่ออกแบบโดยผสานแนวคิด 3 ส่วนคือ
-
Smart การใช้เทคโนโลยีมาควบคุมระบบการใช้งานทั้งระบบน้ำและระบบไฟฟ้า
-
Eco ออกแบบให้บ้านมีระบบหมุนเวียนอากาศด้วยเทคโนโลยีเฉพาะของเอสซีจีคือ Energy Plus House ซึ่งจะช่วยให้บ้านเย็นสบายเหมาะแก่การอยู่อาศัย
-
Care ออกแบบให้คำนึงถึงความปลอดภัยเพื่อคนทุกวัย ทั้งผู้สูงอายุและเด็ก ในดีไซน์แบบโมเดิร์นทรอปิคอล
Future Sustainable Home
นวัตกรรมบ้านแห่งอนาคตเพื่อความยั่งยืน กับ The Nest
แต่แค่หน้าจออธิบายภาพอาจจะทำให้เห็นภาพไม่ชัด ลองมาดูภาพแบบสามมิติที่เครื่อง Oculus เทคโนโลยีสุดล้ำที่จะพาเราหายว๊าบไปอยู่ในบ้าน The Nest ของจริงภายในพริบตา
SCG Eldercare Solution : นวัตกรรมสำหรับดูแลผู้สูงวัย
เดินต่อมาจะพบกับโซนที่เป็นไฮไลท์สำคัญของงาน นั่นคือโซน SCG Eldercare Solution ด้วยการคำนึงถึงสังคมคนไทยซึ่งจะเป็นสังคมผู้สูงอายุในอีก 20 ปีข้างหน้า ส่วนนี้จึงเป็นการเตรียมตัวเพื่อรับมือกับสังคมใหม่ผ่านการวิจัยของเอสซีจี
โดยเรียนรู้ขั้นเริ่มต้นที่อุโมงค์ความเสื่อม ที่จำลองการเห็น การได้ยิน และการสัมผัสของกล้ามเนื้อที่เสื่อมตามกาลเวลา ส่วนนี้มีบริการตรวจวัดจังหวะการเดินของผู้สูงวัย วัดระดับความสูงของโถสุขภัณฑ์ที่พอเหมาะกับร่างกายในแต่ละบุคคล เพื่ออำนวยความสะดวกและเกิดความปลอดภัยในการใช้งานอย่างเหมาะสม
โดย SCG Eldercare Solution แบ่งประเภทผู้สูงอายุเป็น 3 กลุ่ม 3 สี เพื่อการดูแลที่ถูกต้อง ทั้งยังจำลองรูปแบบของห้องน้ำเพื่อผู้สูงวัยทั้ง 3 กลุ่มให้เห็นภาพกันชัดๆ
-
สีเขียว คือกลุ่มผู้สูงวัยในระยะเริ่มแรกที่ยังสามารถช่วยเหลือตัวเองได้
ห้องน้ำสำหรับผู้สูงอายุในกลุ่มนี้จะเน้นวัสดุสุขภัณฑ์ที่ลบเหลี่ยมมุมและทำจากวัสดุที่ช่วยกันกระแทกอย่างอ่างล้างหน้าเรซิ่น พื้นห้องอยู่ในระนาบเดียวกันในระบบ Stepless Floor และมี handrail (ราวจับ) เพื่อช่วยพยุงตัวขึ้นหลังจากนั่งชักโครก
-
สีเหลือง คือกลุ่มที่เริ่มมีความเสื่อมของกล้ามเนื้อ แต่ยังสามารถช่วยเหลือตัวเองได้โดยใช้ไม้เท้าเป็นตัวช่วย ซึ่งภายในห้องน้ำต้องมีตัวช่วยอย่างก๊อกน้ำที่ระบบเปิดปิดแบบปัดหัวก๊อกไม่ต้องออกแรงหมุน ที่กดชักโครกยื่นยาวสามารถใช้ศอกกดได้ ติดราวจับรอบๆ เพื่อช่วยพยุงตัวทั้งส่วนอ่างล้างหน้า โถชักโครก และส่วนอาบน้ำ โดยมีเก้าอี้นั่งสำหรับอาบน้ำเป็นอีกหนึ่งฟังก์ชั่นสำคัญ ด้วยว่าขณะอาบน้ำจะทำให้อุณหภูมิในร่างกายเปลี่ยนอย่างรวดเร็วทำให้เกิดอาการหน้ามืดและเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย การนั่งอาบน้ำจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุได้
-
สีส้ม คือกลุ่มผู้สูงวัยที่ช่วยเหลือตัวเองได้น้อยและเป็นกลุ่มที่นั่งวีลแชร์
ภายในห้องน้ำจึงถูกออกแบบให้มีโทนสีที่สว่างง่ายต่อการมองเห็นและมีขนาดกว้างเพื่อเอื้ออำนวยต่อการเข็นรถเข้าออก ทั้งขนาดประตูที่กว้าง ระดับอ่างล้างหน้าและการติดตั้งกระจกเงาให้ผู้ที่นั่งวีลแชร์สามารถใช้งานได้ มือจับสามารถพับเก็บตามความสะดวก รวมถึงราวกั้นส่วนอาบน้ำที่มีความแข็งแกร่งสามารถรับแรงกระชากเมื่อเกิดอุบัติเหตุได้ถึง 60 กิโลกรัม
ไม่ใช่แค่ในห้องน้ำเท่านั้น แต่ในส่วนอื่นๆ ในบ้านก็สำคัญไม่ต่างกัน !
ที่งานจึงมีจัดแสดงห้องนอนสำหรับผู้สูงวัยที่ต้องมีเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกในกลางดึกซึ่งพวกเขาต้องตื่นเพื่อเข้าห้องน้ำเป็นกิจวัตร ยกตัวอย่างเช่น
-
ระบบไฟ Auto night light ที่จะเปิดอัตโนมัติโดยเซ็นเซอร์ตรวจจับที่เตียงนอน
-
การติดราวจับทำมาจากไม้แท้ดูสวยงามแตกต่างจากสเตนเลสสตีลซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนโรงพยาบาลไม่น่าใช้
-
ผนังห้องที่ตกแต่งด้วยแผ่น Healthy wall Covering ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษช่วยดูดซับสารระเหยอันเป็นสาเหตุของโรคมะเร็ง
-
และใหม่ล่าสุดกับพื้นห้องที่ช่วยลดแรงกระแทก (Shock Absorption Floor) หากเกิดอุบัติเหตุ และยังให้ความรู้สึกสบายเท้าเมื่อสัมผัส ปิดผิวด้วยไวนิลมีลวดลายสวยงามเสมือนไม้จริง
หลังจากที่เดินครบทั้งโซนแล้ว รู้สึกได้เลยว่ายังมีอีกหลายอย่างที่เราสามารถดูแลและเพิ่มความปลอดภัยในบ้านให้แก่คุณพ่อคุณแม่หรือคนที่เรารักได้ดีกว่าเดิม หากใครที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการดูแลผู้สูงวัยในบ้าน โซน SCG Eldercare Solution ก็มีบริการให้คำปรึกษาเพิ่มเติมโดยเจ้าหน้าที่นักวิจัยที่มีความรู้มาให้คำแนะนำกันอีกด้วย
Medical for Life : โซนนวัตกรรมเครื่องมือแพทย์
ตื่นตากับเรื่องราวของผู้สูงวัยกันแล้ว แวะเข้ามาชมนวัตกรรมด้านการแพทย์กันบ้างกับโซน Medical for Life ภายในห้องสีขาวหมดจด มีเพียงเก้าอี้ตั้งเด่นพร้อมเครื่องมือแพทย์หลายชิ้น แต่รอสักพักผนังเปล่าสีขาวก็ฉายภาพ Mapping สุดล้ำให้เห็นถึงนวัตกรรมการวิจัยเพื่อคิดค้นผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ ที่จัดแสดงโชว์อยู่ในโซนนี้ ไม่ว่าจะเป็น ปูนพลาสเตอร์หล่อแบบฟันป้องกันเชื้อโรค, เครื่องมือผ่าตัดพังผืดรัดเส้นประสาทที่ผลิตจากพลาสติกเพิ่มประสิทธิภาพในการผ่าตัดและลดต้นทุนค่าใช้จ่าย รวมถึงอุปกรณ์อื่นๆที่ผลิตจากพลาสติกโพลีโพรไพลีน ไม่ว่าจะเป็นขวดน้ำเกลือ เข็มฉีดยา
สำหรับใครที่เคยใส่เฝือก มักจะรู้สึกอึดอัด เนื่องจากเฝือกแบบที่ส่วนใหญ่ใช้กันจะมีลักษณะแข็ง ไม่มีความยืดหยุ่น แต่ในวันนี้ได้มีนวัตกรรมใหม่เกิดขึ้นนั่นคือ เฝือกพอลิเมอร์ (Poly-Cast)
เฝือกพอลิเมอร์ (Poly-Cast) ซึ่งด้านในผลิตจากพอลิเมอร์คอมพาวด์ที่มีคุณสมบัติอ่อนตัวเมื่ออยู่ในอุณหภูมิสูง 60 องศาเซลเซียสซึ่งมีระดับความร้อนเท่ากับน้ำอุ่น แพทย์สามารถใช้เฝือกพอลิเมอร์ปรับรูปทรงได้ตามสรีระของผู้ป่วยได้อย่างคล่องตัว และเมื่ออุณหภูมิเย็นลงวัสดุก็จะแข็งตัวอัตโนมัติ โครงสร้างภายในสามารถระบายอากาศได้อย่างคล่องตัว มีสารป้องกันแบคทีเรียและช่วยลดการเกิดกลิ่นอับอีกด้วย ต่างจากเฝือกปูนพลาสเตอร์แบบเดิมๆ ที่เราคุ้นเคยกันมานมนาน
ในอนาคตอันใกล้เราจะได้เห็นเฝือกพอลิเมอร์ในวงการแพทย์อย่างแน่นอน ซึ่งตอนนี้ผ่านกระบวนการวิจัยด้านการออกแบบจนได้ต้นแบบและอยู่ในระหว่างการพัฒนาโดยหน่วยงาน Design Catalyst เอสซีจีเคมีคอล และสัมผัสตัวต้นแบบได้ที่งานนี้เท่านั้น
Eco-Inno Factory : โซนนวัตกรรมด้านอุตสาหกรรมและสิ่งแวดล้อม
การดูแลที่มีส่วนสำคัญในการสร้างสรรค์โลกให้น่าอยู่ยิ่งขึ้นจัดอยู่ในโซนนี้ นั่นคือการแสดงผลงาน นวัตกรรมด้านอุตสาหกรรมและสิ่งแวดล้อม โดยโซนนี้ได้รวบรวมเทคโนโลยีเพื่อโลกสีเขียวมาไว้อย่างครบครันไม่ว่าจะเป็น
-
Hybrid Cement ปูนซีเมนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทั้งการสร้างเหมืองสีเขียว ควบคุมการขนส่งในระบบปิดเพื่อไม่ให้มีฝุ่นฟุ้งกระจายสู่ชุมชนและธรรมชาติ
-
Bio-solution ,Eco Brick ,Bio Plastic Chair, Palm melamine Tableware และยังมีส่วนอื่นๆ จัดแสดงอธิบายอย่างแจ่มชัด สื่อผ่านโมเดลย่อส่วน “โรงงานสีขาว” โซนนี้ไม่หวือหวาแต่รับรองว่าได้ความรู้ไปเต็มๆ
Everyday Convenience : จำลองรูปแบบร้านสะดวกซื้อ
หลุดมาอีกโซน เห็นผู้คนมากมายในร้านซุปเปอร์มาร์เก็ต แต่นี่ไม่ใช่ร้านขายของแต่เป็นอีกโซนของงานนี้ในชื่อ Everyday Convenience ซึ่งจำลองรูปแบบร้านสะดวกซื้อมาอวดโฉมผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ ที่จะทำให้การใช้ชีวิตเป็นเรื่องง่าย ไม่ว่าจะเป็น
-
Self-Venting Film Eazy Steam บรรจุภัณฑ์ที่สามารถระบายไอน้ำได้ด้วยเองไม่ต้องเปิดถุงก่อนเข้าไมโครเวฟ
-
หรือจะเป็น Fest กรวยน้ำดื่ม Food Grade ที่ผลิตจากวัสดุปราศจากสารพิษ โลหะหนัก และไม่มีสารเรืองแสงอันเป็นหนึ่งในสาเหตุก่อโรคมะเร็ง
โดยความสนุกของโซนนี้คือการเลือกสินค้าที่ติดตั้งรหัส RFID แล้วนำไปสแกนดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่หน้าจอแสดงผล ไม่เพียงเท่านั้นยังคิดราคาสินค้าได้แบบอัตโนมัติ โดยไม่ต้องหยิบสินค้าออกจากตะกร้า ลดระยะเวลาในการช้อปปิ้งได้มากทีเดียว
สิ่งที่แตกต่างของ RFID กับบาร์โค้ด คือ RFID สามารถเก็บข้อมูลได้มากกว่า ประมวลผลดีกว่า และใช้เก็บข้อมูลได้ในหลากหลายรูปแบบ
Home knowledge & Idea :
มุมให้ความรู้และไอเดียเรื่องบ้านจาก SCG Experience
สนุกกับเรื่องบ้าน กับ SCG Experience
เข้าสู่โซนสุดท้ายของชั้นหนึ่งกับมุมให้คำปรึกษาจาก SCG Experience เข้าสู่มุม Home knowledge & Idea ส่วนนี้รีบคว้า wristband ที่ได้เมื่อครั้งลงทะเบียนในจุดแรกขึ้นมาสแกนเพื่อค้นหาสิ่งที่ควรทราบล่วงหน้า ก่อนจะสร้างบ้านตามสไตล์และความต้องการของเรา โดยจะมีหน้าจอแสดงผลเป็นกราฟิกอนิเมชั่น เข้าใจง่าย ซึ่ง Home knowledge & Idea จะทำให้เราเข้าใจเรื่องการสร้างบ้านใหม่ การต่อเติมและการปรับปรุงบ้าน ได้ง่ายขึ้น
สำหรับใครที่วางแผนจะสร้างบ้านจริงๆ ไม่ใช่แค่คิดไว้ในจินตนาการต้องมาที่มุม Architect Consult อีกหนึ่งมุมดีๆ สำหรับคนที่มีข้อข้องใจและเจอปัญหาเรื่องบ้าน โดยเหล่าสถาปนิกผู้เชี่ยวชาญของ SCG Experience จะมาให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดและบริการฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น
สุดท้ายนี้มาเปิดประสบการณ์ช้อปปิ้งแบบใหม่ในรูปแบบออนไลน์บนเว็บไซต์ที่เปิดตัวงานนี้เป็นที่แรก ในชื่อ www.scgshoppingexperience.com ช่องทางใหม่สำหรับผู้ที่สนใจจะซื้อสินค้าเอสซีจีทางเว็ปไซต์ โดยคุณเพียงเลือกรูปแบบวัสดุและบอกขนาดพื้นที่เท่านั้น ระบบจะคำนวณจำนวนสินค้าพร้อมส่งสินค้าถึงบ้าน ช่วยให้การสร้างบ้านสักหลังเป็นเรื่องง่ายเพียงแค่คลิกนิ้วเท่านั้น
แต่ยังไม่จบ ยังมีอีกส่วนที่ห้ามพลาดในมุม Summary Room : Care is all around กับการฉายคลิปสั้นๆ เล่าถึงความเป็นมาของงานแสดงครั้งนี้ในห้องมืดด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ทั้ง 3 ด้านที่จะดึงผู้ชมเข้าสู่มิติแห่งนวัตกรรมเพื่ออนาคต ตื่นตากับแสงสีเสียง ที่ไม่ได้ให้แค่ความแปลกใหม่เท่านั้นแต่ยังช่วยปลุกจิตสำนึกในการใส่ใจสิ่งรอบตัวกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ที่อยู่อาศัย คน อาหาร และสิ่งแวดล้อม
ชั้น 2 และชั้น 3 : Care for Living
เต็มอิ่มตื่นตากับนวัตกรรมแห่งอนาคตในชั้นหนึ่งกันแล้ว ลองเดินขึ้นสู่ชั้น 2 และชั้น 3 กันบ้าง ซึ่งจัดให้อยู่ในหมวด Care for Living ชีวิตง่ายอย่างมีสไตล์ ตอบโจทย์ได้ทุกความต้องการ ด้วยสินค้าในกลุ่ม COTTO ที่ขนทัพมาจัดแสดงกันหลากหลาย รวมทั้งเทคโนโลยีการก่อสร้าง วัสดุตกแต่ง เพื่อให้สามารถตอบโจทย์และครอบคลุมครบวงจร ภายใต้ชื่อแบรนด์สินค้าที่เราคุ้นเคยกันดี
มาดูกันว่า 2 ชั้นที่เหลือของงาน SCG Innovative Exposition 2015 จะมีอะไรที่น่าสนใจกันบ้าง
โซน Design & Technology
ครั้งหนึ่ง วัสดุก่อสร้างอาจมีเพียงความสวยงาม ซ่อนมิติของความหรูหรา รวมถึงรูปลักษณ์ดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ แต่วันนี้ไม่ได้มีเพียงเท่าที่กล่าวมาเท่านั้นแต่ต้องมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้ความสวยงามเต็มไปด้วยอรรถประโยชน์ ซึ่งในโซนของ Design & Technology ก็ได้หยิบยกสินค้าจาก COTTO ให้มาอวดโฉมกันอย่างคับคั่ง
เริ่มที่ GEOLUXE ความหรูเรียบชวนมองของวัสดุท็อปเคาน์เตอร์บาร์ดีไซน์โก้หรูที่ทำมาจาก Pyrolithic Stone ซี่งได้จากเทคโนโลยีการนำวัสดุและแร่ธาตุ มาผ่านกระบวนการผลิตที่จำลองรูปแบบการเกิดหินธรรมชาติจนได้วัสดุที่มีความสวยงามเหมือนหินอ่อนแท้ๆ แต่มีคุณสมบัติเหนือกว่า
ในส่วนของ COTTO GRANDE Collection ก็น่าสนใจด้วยนวัตกรรมกระเบื้องพอร์ซเลนขนาดใหญ่ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี Continua+ เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจากอิตาลีซึ่งจะทำให้กระเบื้องทนความร้อน ทนรอยขูดขีด และสภาพกรดที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการใช้งาน ทั้งยังทำความสะอาดได้ง่าย ลวดลายสวยงาม โดยจัดวางเป็นโต๊ะตัวใหญ่โชว์ให้เห็นผิวสัมผัสอันเนียนเรียบไร้รอยต่อใดๆ มารบกวนสายตา ไม่เพียงเท่านี้ สำหรับใครที่กำลังมองหาวัสดุปูพื้น อย่างหินอ่อน หินสังเคราะห์ กระเบื้องพอร์ชเลน ก๊อกน้ำดีไซน์ระดับโลก ก็สามารถมาเลือกชมกันได้อย่างจุใจในส่วนนี้
จากนั้นเราข้ามไปยังอีกโซนในฝั่งตรงข้าม กับเสียงซู่ซ่าของสายน้ำที่ไหลเวียนจาก Rain Shower และก๊อกน้ำดีไซน์ระดับโลก ที่เรียงโชว์อวดโฉมความงดงามกันอย่างหวือหวา ไม่ว่าจะเป็น Move Series อันมีรูปแบบการไหลของสายน้ำที่เป็นเอกลักษณ์ถึง 3 แบบ
-
Sonata Series ที่มีลีลาเส้นสายสวยงามดุจงานศิลปะหนึ่งชิ้น
-
Luminos Series ซึ่งมีจุดเด่นดีไซน์หัวก๊อกให้มีแสงไฟ LED ถึง 7 สีด้วยกัน
-
และล้ำไปกับเทคโนโลยีที่จะอำนวยความสะดวกด้วยฝักบัวที่เชื่อมสัญญาณโทรศัพท์และรับสายอัตโนมัติ ฟังเพลงด้วยการเชื่อมสัญญาณบลูทูธ มีลำโพงในตัวที่ทำงานด้วยพลังน้ำจึงไม่ต้องเชื่อมสายไฟให้ยุ่งยาก
และเพื่อให้เห็นภาพกันชัดขึ้น COTTO จัดห้องตัวอย่าง แสดงการตกแต่งห้องน้ำให้เป็นตัวอย่างและสัมผัสได้เต็มๆ หลากหลายคอลเลคชั่น หลากหลายสไตล์ตามแต่คาแรคเตอร์และความชอบของผู้เข้าชมงาน Beautiful Bathroom และคอลเลคชั่นจากดีไซน์เนอร์ระดับโลกอย่าง Piero Lissoni (ปีเอโร่ ลิซโซนี่) กับ Pætchwork Collection ที่จัดวางไว้อย่างสง่างาม นอกจากนี้ยังมีสินค้าอื่นๆ ภายในห้องน้ำอย่างกระเบื้องปูพื้น โถสุขภัณฑ์ อ่างอาบน้ำ มาให้ชมกันอย่างเต็มตา